แนวทางของ Red Hat สำหรับ ไฮบริดคลาวด์

10 กันยายน 2020   |   ใช้เวลาอ่าน 6 นาที   |   volume iconเปิดฟังบทความนี้

Jump to section

องค์กรที่เป็นผู้นำด้าน IT มักจะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ล้ำหน้าให้กับลูกค้าเพื่อเพิ่มแต้มต่อในโลกธุรกิจ แต่การปล่อยแอปพลิเคชันและบริการใหม่ๆ ก็เท่ากับการเพิ่มต้นทุน และความยุ่งยากในการบริหารจัดการ

หากต้องการตอบโจทย์ทั้งในส่วนของนวัตกรรม และงบประมาณด้าน IT คุณอาจเลือกพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่บนคลาวด์สาธารณะ และถ่ายโอนเวิร์กโหลดเดิมไปพร้อมกัน แต่ในทางปฏิบัติ การย้ายขึ้นระบบคลาวด์เต็มรูปแบบอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับทุกองค์กร

ระบบไฮบริดจึงน่าจะเข้ามาแทนที่และเป็นอนาคตของโลก IT เพราะการใช้ระบบแบบผสมผสานจะตอบโจทย์ของลูกค้าที่มองหาบริการที่หลากหลายอยู่เสมอ และเหมาะกับทีมงานของคุณที่อาจยังต้องทำงานบางส่วนบนเซิร์ฟเวอร์สำนักงาน สลับกับการพัฒนาบนระบบคลาวด์

“63% ของผู้นำด้าน IT
เริ่มใช้โครงสร้างไฮบริดคลาวด์แล้ว

ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ใช้กว่า 54% วางแผนที่จะเริ่มใช้ ใน 24 เดือนนับจากนี้”

- 2020 State of Enterprise Open Source Report

การตัดสินใจเลือกว่าคลาวด์สาธารณะ หรือคลาวด์ส่วนตัวรายใดที่เหมาะกับเวิร์กโหลดแต่ละระดับถือเป็นโจทย์ที่ซับซ้อน และสิ่งที่คุณเลือกในวันนี้อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวันพรุ่งนี้ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยากลองประเมินประสิทธิภาพของแผนงานมัลติคลาวด์ในอนาคต หรือโยกการดีพลอยไปที่เอดจ์ของเครือข่าย สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงก็คือ โซลูชันซอฟต์แวร์ของคุณจะต้องไม่จำกัดโอกาสปรับใช้ตัวเลือกใหม่ๆ ในอนาคต

เราจึงต้องการแพลตฟอร์มที่จะยืดหยุ่น และใช้ร่วมกันได้ทั่วทั้งระบบที่คุณเลือก รวมถึงบริการต่างๆ อย่างการรวมระบบ ข้อมูล ระบบวิเคราะห์ และบริการอื่นๆ เพื่อให้พร้อมใช้งานบนแอปต่างๆ ที่คุณเปิดให้ใช้ ซึ่งก็นำมาสู่คำถามที่ว่า คุณจะรักษาความสามารถของระบบในระยะยาวอย่างไร หากต้องเพิ่มระบบคลาวด์ใหม่ เครื่องมือใหม่ และการรวมระบบครั้งใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คุณยังไม่สามารถคาดการณ์ความต้องการในอนาคตได้

คำตอบสำหรับคำถามข้างต้น ไม่ได้อยู่ที่หนึ่งบริษัท หนึ่งคลาวด์ หรือหนึ่งผู้จัดจำหน่าย

ใช้ความยืดหยุ่นของโอเพนซอร์ซให้เป็นประโยชน์บนไฮบริดคลาวด์

ไม่ว่าจะใช้ฮาร์ดแวร์ตัวไหนรันโครงสร้างระบบที่สำคัญ จะใช้คลาวด์รูปแบบใดในการดีพลอยแอปเวอร์ชันใหม่ ก็มีเทคโนโลยี Linux เพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานได้ในทุกที่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์ซจึงช่วยพัฒนาวิธีการทำงานของศูนย์ข้อมูล ใช้งานกับคลาวด์สาธารณะหลักๆ ได้ทั้งหมด และยังพร้อมรองรับระบบคลาวด์รูปแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกด้วย

คอนเทนเนอร์ Linux คือตัวเลือกของการดีพลอยแอปที่พัฒนาบนคลาวด์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ส่วน Kubernetes ก็คือแพลตฟอร์มโอเพนซอร์ซมาตรฐานอุตสาหกรรมที่บริหารจัดการ และควบคุมเวิร์กโหลดที่ประมวลผลอยู่ในคอนเทนเนอร์

Ashesh Badani headshot

“ในทุกวันนี้ คลาวด์แทบทุกประเภทสร้างขึ้นจากระบบพื้นฐาน Linux ถ้าธุรกิจของคุณยังไม่โอเพน คุณก็ยังไม่ได้อยู่บนคลาวด์แบบเต็มตัว”

Ashesh Badani,
รองประธานอาวุโส ฝ่ายแพลตฟอร์มคลาวด์ของ
Red Hat

โซลูชันบริหารจัดการไฮบริดคลาวด์บางรายเลือกจดลิขสิทธิ์องค์ประกอบโอเพนซอร์ซในบางส่วน และเปิดให้เป็นโอเพนซอร์ซเพียงบางส่วนจึงไม่ถือเป็นโอเพนซอร์ซที่แท้จริงแต่อย่างใด เนื่องจากในระหว่างทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดจำหน่าย ผู้ให้บริการคลาวด์ หรือแม้แต่เป้าหมายทางธุรกิจ คุณจึงต้องการความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับเปลี่ยนได้อย่างคล่องตัว ซึ่งก็มีเพียงโอเพนซอร์ซที่แท้จริงเท่านั้นที่จะตอบโจทย์คุณได้

Illustration of woman working in clouds

ระบบคลาวด์

ระบบคลาวด์ทั้งแบบสาธารณะ และแบบส่วนตัวจะเพิ่มคุณสมบัติบริการตัวเองสำหรับนักพัฒนา ควบคู่กับความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับเปลี่ยนได้ที่ทีมปฏิบัติงานต้องใช้เพื่อบริหารจัดการแอปตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเมื่อรวมกับคอนเทนเนอร์ ไมโครเซอร์วิส และส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) ทีม DevOps ก็จะปรับปรุงแอปบนคลาวด์ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ทั้งหมดนี้จัดเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาบนคลาวด์ และเหตุผลหลักที่ทำให้องค์กรต่างๆ เริ่มวางแผนนำระบบคลาวด์เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาระบบ IT ให้ก้าวล้ำทันยุค

ไฮบริด คลาวด์

จุดเด่นที่เป็นประโยชน์ที่สุดของแผนงานไฮบริดคลาวด์คือ ความสามารถในการเลือกโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละงาน หรือระดับเวิร์กโหลด แม้ในปัจจุบัน คุณจะยังไม่ได้เริ่มพิจารณาปรับมาใช้ไฮบริดคลาวด์ แต่ระบบนี้ก็เริ่มมีความจำเป็นกับหลายองค์กรที่กำลังเริ่มขยับขยาย ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเลือกใช้ระบบโครงสร้างที่สำนักงานสำหรับจัดเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และใช้บริการคลาวด์สาธารณะในการพัฒนาแอปพลิเคชัน โดยคุณอาจเลือกใช้คลาวด์สาธารณะจากผู้จัดจำหน่ายหลายรายเพื่อให้ตอบรับกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่บังคับใช้ในประเทศ หรือโยกเวิร์กโหลดจากผู้ให้บริการรายหนึ่งไปสู่อีกรายหนึ่งได้ตามอัตราค่าบริการ และความต้องการทางธุรกิจ นอกจากนั้น คุณอาจจะต้องลงทุนกับระบบประมวลผลเอดจ์เพื่อเพิ่มพลังในการประมวลผล และพื้นที่ในการจัดเก็บให้ตอบรับกับปริมาณข้อมูล และจำนวนผู้ใช้ในเครือข่าย ทั้งนี้ แพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกันได้ที่รันเวิร์กโหลดแบบลอยตัว คือสิ่งที่จะทำให้ตัวเลือกของทั้งปัจจุบันและอนาคตเกิดขึ้นได้

อเพน ไฮบริดคลาวด์

ไม่มีผู้ให้บริการคลาวด์รายหนึ่งรายใด หรือระบบเซิร์ฟเวอร์สำนักงานที่หนึ่งที่ใดที่พร้อมตอบทุกความต้องการของคุณ และบ่อยครั้งที่โซลูชันลิขสิทธิ์จะคอยจำกัดทางเลือก และความสามารถในการปรับเปลี่ยนในอนาคตของคุณ ดังนั้น หากคุณต้องการใช้งานระบบอย่างเต็มขีดจำกัดเพื่อให้ตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการสร้างระบบใหม่ คุณควรจะสร้างไฮบริดคลาวด์จากโค้ดโอเพนซอร์ซในระบบโครงสร้างเดียวกัน เพื่อให้ทีมปฏิบัติงาน ทีมดีพลอย และทีมความปลอดภัยของคุณสามารถสร้าง และบริหารจัดการสแต็คไอทีทั้งหมดได้บนแพลตฟอร์มมาตรฐานที่เป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะทำงานบนแบร์เมทัล คอมพิวเตอร์เสมือน คลาวด์ส่วนตัว คลาวด์สาธารณะ หรือบนเอดจ์ก็ตาม

Illustration of woman working in hybrid clouds

ไฮบริด คลาวด์

จุดเด่นที่เป็นประโยชน์ที่สุดของแผนงานไฮบริดคลาวด์คือ ความสามารถในการเลือกโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละงาน หรือระดับเวิร์กโหลด แม้ในปัจจุบัน คุณจะยังไม่ได้เริ่มพิจารณาปรับมาใช้ไฮบริดคลาวด์ แต่ระบบนี้ก็เริ่มมีความจำเป็นกับหลายองค์กรที่กำลังเริ่มขยับขยาย ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเลือกใช้ระบบโครงสร้างที่สำนักงานสำหรับจัดเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และใช้บริการคลาวด์สาธารณะในการพัฒนาแอปพลิเคชัน โดยคุณอาจเลือกใช้คลาวด์สาธารณะจากผู้จัดจำหน่ายหลายรายเพื่อให้ตอบรับกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่บังคับใช้ในประเทศ หรือโยกเวิร์กโหลดจากผู้ให้บริการรายหนึ่งไปสู่อีกรายหนึ่งได้ตามอัตราค่าบริการ และความต้องการทางธุรกิจ นอกจากนั้น คุณอาจจะต้องลงทุนกับระบบประมวลผลเอดจ์เพื่อเพิ่มพลังในการประมวลผล และพื้นที่ในการจัดเก็บให้ตอบรับกับปริมาณข้อมูล และจำนวนผู้ใช้ในเครือข่าย ทั้งนี้ แพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกันได้ที่รันเวิร์กโหลดแบบลอยตัว คือสิ่งที่จะทำให้ตัวเลือกของทั้งปัจจุบันและอนาคตเกิดขึ้นได้

Illustration of woman working in open hybrid clouds

โอเพน ไฮบริดคลาวด์

ไม่มีผู้ให้บริการคลาวด์รายหนึ่งรายใด หรือระบบเซิร์ฟเวอร์สำนักงานที่หนึ่งที่ใดที่พร้อมตอบทุกความต้องการของคุณ และบ่อยครั้งที่โซลูชันลิขสิทธิ์จะคอยจำกัดทางเลือก และความสามารถในการปรับเปลี่ยนในอนาคตของคุณ ดังนั้น หากคุณต้องการใช้งานระบบอย่างเต็มขีดจำกัดเพื่อให้ตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการสร้างระบบใหม่ คุณควรจะสร้างไฮบริดคลาวด์จากโค้ดโอเพนซอร์ซในระบบโครงสร้างเดียวกัน เพื่อให้ทีมปฏิบัติงาน ทีมดีพลอย และทีมความปลอดภัยของคุณสามารถสร้าง และบริหารจัดการสแต็คไอทีทั้งหมดได้บนแพลตฟอร์มมาตรฐานที่เป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะทำงานบนแบร์เมทัล คอมพิวเตอร์เสมือน คลาวด์ส่วนตัว คลาวด์สาธารณะ หรือบนเอดจ์ก็ตาม

“ไฮบริดคลาวด์คือเรื่องของขีดจำกัด ไม่ใช่เรื่องของผลลัพธ์สุดท้าย ไม่ใช่การแบ่งสัดส่วนการใช้คลาวด์สาธารณ์มาก ใช้คลาวด์ส่วนตัวน้อย และใช้แบร์เมทัลน้อยที่สุดแต่ไฮบริดคลาวด์ คือเรื่องของความสามารถและขีดจำกัดที่พร้อมรองรับการโอนย้าย และปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมและตามความต้องการทางธุรกิจของคุณ”

- Stefanie Chiras,
รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่าย Red Hat Enterprise Linux Business Unit ของ Red Hat

Stefanie Chiras headshot

ขยายขีดจำกัดให้พร้อมปรับเปลี่ยนไปกับ Red Hat

Red Hat ใช้เวลาเกือบ 30 ปีในการพัฒนาโซลูชันที่เป็นกลาง และแลกเปลี่ยนกันได้ภายในสแต็คไอทีทั้งหมดของคุณ นั่นก็เป็นเพราะเรามองเห็นถึงศักยภาพขององค์กรที่เริ่มใช้ซอฟต์แวร์แบบโอเพน อาทิ Linux และ Kubernetes ตั้งแต่ก้าวแรก โดยเราทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนโอเพนซอร์ซ แบ่งปันโค้ด ดูแลโครงการ สนับสนุนการจัดกิจกรรม และอีกมากมายเพื่อร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ซที่พร้อมตอบความต้องการขององค์กรต่างๆ

แนวทางไฮบริดคลาวด์แบบโอเพนของเราสามารถช่วยเสริมขีดความสามารถในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบให้กับหน่วยงานด้าน IT ของคุณในหลายๆ ด้าน ดังต่อไปนี้

 

โครงสร้างระบบไฮบริดคลาวด์ ให้คุณรันเวิร์กโหลดบนระบบคลาวด์ หรือฟุตพรินท์ใดก็ได้

 

การพัฒนาบนระบบคลาวด์ เพื่อการนำส่งข้อมูลแอปที่รวดเร็วและง่ายดายกว่า

 

ระบบออโตเมชัน เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานขนาดใหญ่

 

ระบบการทำงานเป็นทีม เพื่อใช้ประโยชน์ของไฮบริดคลาวด์แบบโอเพนให้ได้มากที่สุด

ผลิตภัณฑ์และบริการที่ปรึกษาของไฮบริดคลาวด์แบบโอเพนบางประเภทไม่สามารถนำไปใช้ได้เลยทันที แต่เป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่มีระบบเทคโนโลยีพื้นฐานเดียวกัน นั่นคือ Red Hat® Enterprise Linux® และแพลตฟอร์ม Kubernetes ของเราอย่าง Red Hat OpenShift®

หมายความว่า

แพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกันได้ที่พร้อมรันเวิร์กโหลดต่างๆ บนโครงสร้างระบบทุกประเภท

รวมศูนย์การบริหารจัดการ และคุณสมบัติของระบบออโตเมชัน

บริการแอปพลิเคชัน และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาบนระบบคลาวด์

เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะโดยไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโค้ด หรือฝึกอบรมใหม่

ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ใดๆ ที่คุณใช้จะได้รับการปรับให้เป็นมาตรฐานแบบโอเพนที่ยืดหยุ่นทั่วทั้งองค์กรของคุณ

จัดจำหน่ายไม่ได้มีหน้าที่กำหนดอนาคตของฝ่าย IT เพราะอำนาจทั้งหมดในการตัดสินใจอยู่ในมือคุณ

Burr Sutter headshot

“คุณจะเลือกย้ายแอปพลิเคชันบนเซิร์ฟเวอร์สำนักงานไปรันบนคลาวด์สาธารณะ หรือจะนำแอปนั้นกลับมารันบนเซิร์ฟเวอร์สำนักงานก็ได้เช่นกัน วันนี้ คุณสามารถโอนย้ายงานสร้างสรรค์ของบริษัทไปรันได้ทั้งบนระบคลาวด์ บนเซิร์ฟเวอร์สำนักงาน หรือแม้แต่บนเอดจ์ระยะไกลก็ได้”

Burr Sutter,
ผู้อำนวยการฝ่ายประสบการณ์นักพัฒนาทั่วโลกของ
Red Hat

ปฏิกิริยาของนักวิเคราะห์ที่มีต่อแนวทางไฮบริดคลาวด์แบบโอเพนของเรา

แนวทางของเราก็เหมือนกับโค้ดของเราที่เปิดกว้างอยู่เสมอ แผนงานไฮบริดคลาวด์ของเราได้รับการพัฒนาให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้จากข้อเสนอแนะภายในของ Red Hat และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ

ลองตามไปดูการพูดคุยอย่างเปิดกว้างระหว่าง Stefanie Chiras รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่าย Red Hat Enterprise Linux Business Unit กับ Brian Hopkins รองประธานและหัวหน้านักวิเคราะห์ของ Forrester Research เกี่ยวกับอนาคตของระบบคลาวด์และแผนงานแนะนำจาก Red Hat

อ่านข้อมูลเรื่องคลาวด์เพิ่มเติม